|
ข้อมูลจาก:
จากความรู้ของเราที่ได้ร่ำเรียนมา
(อันนี้ภูมิในสุดๆ แน่นอน
..ต้องเป็นอันดับแรก)
ก่อนรู้คำศัพท์ก็มารู้ก่อนว่าตัวภาษาญี่ปุ่นแบ่งอักษรเป็น 4 แบบคือ
อักษรฮิระงะนะ (hiragana)
ตัวอักษรที่เห็นอยู่ทั่วๆไป คือพอเห็นตัวพวกนี้ก็ต้องรู้เลยว่าคือภาษาญี่ปุ่น
จริงๆแล้วจะเรียกตัวอักษรก็ไม่ถูก ที่ถูกต้องเป็นเสียงอ่านมากกว่า(ถ้าจำไม่ผิดนะ)
ตัวอักษรพวกนี้จะใช้เขียนเมื่อคำนั้นเป็นคำศัพท์ภาษาญี่ปุ่นแท้ๆตัวอักษร
มีลักษณะอ่อนช้อยกว่าตัวคะตะคะนะ
อักษรคะตะคะนะ(katakana)
เห็นได้ทั่วไปเช่นกันมีลักษณะเหมือนเส้นตรงหลายเส้นนำมาต่อกัน มีลักษณะ
แข็งกว่าตัวฮิระงะนะ ถ้าคำศัพท์ใดเขียนด้วยตัวคะตะคะนะก็เดาได้เลยว่าคำศัพท์
นั้นต้องมีรากศัพท์มาจากภาษาต่างประเทศ แต่เดี๋ยวนี้ไม่ว่าจะเป็นชื่อคน, สถานที่
หรือสินค้า บางครั้งก็ชอบใช้ตัวอักษรแบบนี้ นัยว่าเพื่อให้เกิดความน่าสนใจ
อักษรคันจิ (kanji)
เป็นตัวอักษรที่นำมาจากภาษาจีนซึ่งบางตัวเหมือนกับภาษาจีนทุกอย่างจนบางครั้ง
ทำให้คนเข้าใจผิดว่าภาษาที่อ่านที่อยู่นั้นเป็นภาษาจีน จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไม
คนจีนถึงเรียนภาษาญี่ปุ่นได้เร็วกว่าคนไทย
อักษรโรมันจิ(romanji)
ก็คือตัวอักษรภาษาอังกฤษที่เขียนให้ดูอยู่ในเรื่อง nippon นี่ไงซึ่งคนญี่ปุ่นเค้าจะมี
วิธีการแปลงคำจากภาษาญี่ปุ่นเป็นภาษาอังกฤษได้อย่างเป็นระบบ ไม่มีการเขียนผิด
เขียนถูกกัน ไม่เหมือนคนไทยถ้าเป็นชื่อสถานที่หรือชื่อคนไทยที่เขียนเป็นภาษาแล้ว
จะสามารถเขียนเป็นภาษาอังกฤษได้หลากหลายมากเช่นคำว่า viphavadee rangsit
บางคนก็เขียน viphavadi rangsit road เป็นตัน ไม่เหมือนอักษรโรมันจิในภาษาญี่ปุ่น
เช่นคำว่า nippon หรือ nihon ก็จะเขียนแบบนี้แบบเดียวไม่มีการเป็นแบบอื่น
อักษรโรมันจินี้จะมีประโยชน์ในการพิมพ์ดีดภาษาญี่ปุ่นอย่างมากเพราะเมื่อเราพิมพ์
ตัวอักษรโรมันจิ(ภาษาอังกฤษ)บนคีย์บอร์ดแล้ว ในเครื่องคอมพิวเตอร์ก็จะโชว์
ตัวอักษรญี่ปุ่นโดยอัตโนมัติ
เอ้า...ได้รู้เรื่องภาษาของเค้ามีกี่แบบกันแล้วเราก็มารู้เรื่องคำศัพท์กันดีกว่านะซึ่งคำศัพท์
ที่มีอยู่นี้ไม่ได้เรียงตามอะไรทั้งนั้นนึกอะไรได้ก็พิมพ์ใส่เลย
อ้อลืมไปก่อนเรียนรู้เรื่องคำศัพท์ต้องมารู้เทคกะนิคเล็กๆก่อน
ภาษาญี่ปุ่นแปลจากหลังมาหน้าเหมือนภาษาอังกฤษ
คำว่า sai ในโรมันจิมาจากอักษรญี่ปุ่น 2 ตัวคือ "sa กับ i"เราจะเขียนคำอ่านว่า "ซะ-อิ" นะ
แต่เวลาอ่านพวกนายก็ต้องอ่านเร็วๆควบกันไปเลยเป็น"ไซ"ก็ได้ถือว่าไม่ผิด เราเขียนให้รู้
เท่านั้นว่า มันมาจาก ซะอิ ที่อ่านแบบเร็วๆ
เช่นกันคำว่า you ในโรมันจิมาจากอักษรญี่ปุ่น 2 ตัวคือ "yo กับ u"เราจะเขียนคำอ่านว่า
"โยะ-อุ" นะแต่เวลาอ่านพวกนายก็ต้องอ่านเร็วๆควบกันไปเลยเป็น"โยว"ก็ได้ถือว่าไม่ผิด
เราเขียนให้รู้เท่านั้นว่า มันมาจาก โยะอุ ที่อ่านแบบเร็วๆ
ในหน้านี้ส่วนที่เป็นสีฟ้าคือ คำแปล ส่วนที่เป็นสีเขียวคือคำอธิบาย
และ comment ของเรา
|
|
|
manga |
มันหงะ |
หนังสือการ์ตูน |
Anime |
อะนิเมะ |
การ์ตูนเช่นพวก pokemon, sailor moon etc. |
enka |
เอนคะ |
เพลงญี่ปุ่นโบราณ นักร้องก็เช่น koyo okamoto เป็นต้น |
gomi |
โกะมิ |
ขยะ |
Nippon |
นิปปอน |
ญี่ปุ่น |
Nihon |
นิฮน |
ญี่ปุ่น (ทำไมแปลเหมือนกันอยากรู้กลับไปอ่าน |
Nihongo |
นิฮนโหงะ |
ภาษาญีปุ่น (คำว่า nihon แปลว่าญี่ปุ่นและคำว่า |
watashi |
วะตะฉิ |
ฉัน(พื้นๆมากเลยนะคำนี้ใครก็ต้องรู้จัก) |
desu |
เดะสึ หรือ เดส |
คือ(ประโยคของญี่ปุ่นส่วนใหญ่มักลงท้ายด้วยคำนี้ |
wa |
วะ |
คำนี้เป็นตัวช่วยทำประโยคให้สมบูรณ์ |
no |
โนะ |
ของ(ใช้แสดงความเป็นเจ้าของ..ไม่ใช่สิ่งของนะ |
Kakkoi |
คัคโคะอิ |
เท่ห์ |
Cho |
โชวอุ หรือโชววว(แล้วแต่อารมณ์ของผู้พูด) |
ที่สุด
(Cho kakkoi = เท่ห์ที่สุด) |
Sugoi |
สุโงอิ หรือ สุโงยยย |
ว้าววว / ยอดเยี่ยมที่สุด
|
kawaiii |
คะวะอิ หรือคะไวยอิ |
น่ารัก |
kirei |
คิเระอิ |
สวย (ออกเสียงดีๆนะออกผิดเป็นภาษาไทยละแย่เลย) |
mukatsuku |
มุคะทซึคุ |
มันน่าเจ็บใจจริงๆ !!!! (เวลาพูดต้องใส่อารมณ์ไปด้วยนะพูดตอน |
suki |
สึคิ |
ชอบ (คำว่า dai (ดะอิ) แปลว่า ที่สุด ถ้าเติมไว้ |
kirai |
คิระอิ |
เกลียด |
oshiete |
โอะชิเอะเตะ |
สอน หรือ บอก |
kudasai |
คุดะซะอิ |
กรุณา (เป็นคำขอร้องเช่น |
tomodachi |
โทะโมะดิจิ |
เพื่อน |
tanjoubi |
ทันโจะอุบิ |
วันเกิด (คำสุภาพมักใส่คำว่า o ไปด้วยเป็น |
omedetou |
โอะเมะเดะโตะอุ |
ยินดีด้วย (คำสุภาพคือ omedetou gozaimasu)
|