Home

Nihongo


ข้อมูลจาก:

ก่อนรู้คำศัพท์ก็มารู้ก่อนว่าตัวภาษาญี่ปุ่นแบ่งอักษรเป็น 4 แบบคือ

  1. อักษรฮิระงะนะ (hiragana)

    ตัวอักษรที่เห็นอยู่ทั่วๆไป คือพอเห็นตัวพวกนี้ก็ต้องรู้เลยว่าคือภาษาญี่ปุ่น
    จริงๆแล้วจะเรียกตัวอักษรก็ไม่ถูก ที่ถูกต้องเป็นเสียงอ่านมากกว่า(ถ้าจำไม่ผิดนะ)
    ตัวอักษรพวกนี้จะใช้เขียนเมื่อคำนั้นเป็นคำศัพท์ภาษาญี่ปุ่นแท้ๆตัวอักษร
    มีลักษณะอ่อนช้อยกว่าตัวคะตะคะนะ

  2. อักษรคะตะคะนะ(katakana)

    เห็นได้ทั่วไปเช่นกันมีลักษณะเหมือนเส้นตรงหลายเส้นนำมาต่อกัน มีลักษณะ
    แข็งกว่าตัวฮิระงะนะ ถ้าคำศัพท์ใดเขียนด้วยตัวคะตะคะนะก็เดาได้เลยว่าคำศัพท์
    นั้นต้องมีรากศัพท์มาจากภาษาต่างประเทศ แต่เดี๋ยวนี้ไม่ว่าจะเป็นชื่อคน, สถานที่
    หรือสินค้า บางครั้งก็ชอบใช้ตัวอักษรแบบนี้ นัยว่าเพื่อให้เกิดความน่าสนใจ

  3. อักษรคันจิ (kanji)

    เป็นตัวอักษรที่นำมาจากภาษาจีนซึ่งบางตัวเหมือนกับภาษาจีนทุกอย่างจนบางครั้ง
    ทำให้คนเข้าใจผิดว่าภาษาที่อ่านที่อยู่นั้นเป็นภาษาจีน จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไม
    คนจีนถึงเรียนภาษาญี่ปุ่นได้เร็วกว่าคนไทย


  4. อักษรโรมันจิ(romanji)

    ก็คือตัวอักษรภาษาอังกฤษที่เขียนให้ดูอยู่ในเรื่อง nippon นี่ไงซึ่งคนญี่ปุ่นเค้าจะมี
    วิธีการแปลงคำจากภาษาญี่ปุ่นเป็นภาษาอังกฤษได้อย่างเป็นระบบ ไม่มีการเขียนผิด
    เขียนถูกกัน ไม่เหมือนคนไทยถ้าเป็นชื่อสถานที่หรือชื่อคนไทยที่เขียนเป็นภาษาแล้ว
    จะสามารถเขียนเป็นภาษาอังกฤษได้หลากหลายมากเช่นคำว่า viphavadee rangsit
    บางคนก็เขียน viphavadi rangsit road เป็นตัน ไม่เหมือนอักษรโรมันจิในภาษาญี่ปุ่น
    เช่นคำว่า nippon หรือ nihon ก็จะเขียนแบบนี้แบบเดียวไม่มีการเป็นแบบอื่น
    อักษรโรมันจินี้จะมีประโยชน์ในการพิมพ์ดีดภาษาญี่ปุ่นอย่างมากเพราะเมื่อเราพิมพ์
    ตัวอักษรโรมันจิ(ภาษาอังกฤษ)บนคีย์บอร์ดแล้ว ในเครื่องคอมพิวเตอร์ก็จะโชว์
    ตัวอักษรญี่ปุ่นโดยอัตโนมัติ


เอ้า...ได้รู้เรื่องภาษาของเค้ามีกี่แบบกันแล้วเราก็มารู้เรื่องคำศัพท์กันดีกว่านะซึ่งคำศัพท์
ที่มีอยู่นี้ไม่ได้เรียงตามอะไรทั้งนั้นนึกอะไรได้ก็พิมพ์ใส่เลย
อ้อลืมไปก่อนเรียนรู้เรื่องคำศัพท์ต้องมารู้เทคกะนิคเล็กๆก่อน

ตัวโรมันจิ
คำอ่าน
คำแปล

manga

มันหงะ

หนังสือการ์ตูน

Anime

อะนิเมะ

การ์ตูนเช่นพวก pokemon, sailor moon etc.

enka

เอนคะ

เพลงญี่ปุ่นโบราณ นักร้องก็เช่น koyo okamoto เป็นต้น

gomi

โกะมิ

ขยะ

Nippon

นิปปอน

ญี่ปุ่น

Nihon

นิฮน

ญี่ปุ่น (ทำไมแปลเหมือนกันอยากรู้กลับไปอ่าน
ที่นี่นะ)

Nihongo

นิฮนโหงะ

ภาษาญีปุ่น (คำว่า nihon แปลว่าญี่ปุ่นและคำว่า
go แปลว่าภาษาถ้าภาษาไทยก็ taigo ง่ายมะ)

watashi

วะตะฉิ

ฉัน(พื้นๆมากเลยนะคำนี้ใครก็ต้องรู้จัก)

desu

เดะสึ หรือ เดส

คือ(ประโยคของญี่ปุ่นส่วนใหญ่มักลงท้ายด้วยคำนี้
เช่น snood desu = คือ snood)

wa

วะ

คำนี้เป็นตัวช่วยทำประโยคให้สมบูรณ์
ใช้วางหลังประธานไม่มีความหมายอะไร
เช่น watashi wa snood desu = ฉันคือ snood

no

โนะ

ของ(ใช้แสดงความเป็นเจ้าของ..ไม่ใช่สิ่งของนะ
เช่น watashi no hana = ดอกไม้ของฉัน
ใช่แล้วคำว่า hana (ฮะนะ) = ดอกไม้ ได้อีกคำแล้วนะ)

Kakkoi

คัคโคะอิ

เท่ห์

Cho

โชวอุ หรือโชววว(แล้วแต่อารมณ์ของผู้พูด)

ที่สุด (Cho kakkoi = เท่ห์ที่สุด)

Sugoi

สุโงอิ หรือ สุโงยยย

ว้าววว / ยอดเยี่ยมที่สุด

kawaiii

คะวะอิ หรือคะไวยอิ

น่ารัก

kirei

คิเระอิ

สวย (ออกเสียงดีๆนะออกผิดเป็นภาษาไทยละแย่เลย)

mukatsuku

มุคะทซึคุ

มันน่าเจ็บใจจริงๆ !!!! (เวลาพูดต้องใส่อารมณ์ไปด้วยนะพูดตอน
เจ็บใจจะได้อารมณ์ที่สุด)


suki

สึคิ

ชอบ (คำว่า dai (ดะอิ) แปลว่า ที่สุด ถ้าเติมไว้
ข้างหน้าเป็น dai suki = ชอบที่สุด)


kirai

คิระอิ

เกลียด

oshiete

โอะชิเอะเตะ

สอน หรือ บอก

kudasai

คุดะซะอิ

กรุณา (เป็นคำขอร้องเช่น
oshiete kudasai = กรุณาสอนให้หน่อย)

tomodachi

โทะโมะดิจิ

เพื่อน

tanjoubi

ทันโจะอุบิ

วันเกิด (คำสุภาพมักใส่คำว่า o ไปด้วยเป็น
o-tanjoubi อ่านว่า โอะ-ทันโจะอุบิ)

omedetou

โอะเมะเดะโตะอุ

ยินดีด้วย (คำสุภาพคือ omedetou gozaimasu)

: : คิดไม่ออกง่ะ...ถ้าคิดได้อีกจะบอกนะ : :